วิถีทางเรียนรู้ธุรกิจดิจิทัล นัดกินข้าวเย็นกับรุ่นพี่เก่งๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้

นัดกินข้าว

นัดกินข้าวเย็นกับรุ่นพี่เก่งๆ เพื่อเปลี่ยนความรู้ - ”คนไทยใจดี” ยังเป็นคำที่ใช้ได้เสมอครับ โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ทำงานมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว คนกลุ่มนี้มักจะสำเร็จมาแล้วระดับหนึ่ง คนกลุ่มนี้จะเก่งและอยากเห็นวงการของเราดีขึ้น เขาจึงต้องการแชร์สิ่งที่เขาเรียนรู้มาตลอดชีวิตกับคนรุ่นใหม่ เราสามารถเรียนรู้จากพี่ๆ กลุ่มนี้ ใช้ช่วงเวลาเย็นของคุณสัก 1-2 ชั่วโมง เตรียมของขวัญดีๆ ให้พี่เหล่านี้ด้วยนะครับ อย่าไปมือเปล่า แต่จุดที่ยากสักหน่อยคือ คนกลุ่มนี้จะมีเวลาว่างพอมาคุยกับคุณหรือเปล่านั่นเอง ถ้าได้ ก็ขอให้เขามาเป็น Mentor ของคุณได้เลยครับ

การดูแลบัวหลวงในช่วงเดือนเย็น

บัวกระถาง

ในสมัยนี้มีผู้นิยมเลือกซื้อ"บัว" มาปลูกเลี้ยงประดับบ้านกันเป็นปริมาณมาก แต่ปรากฏว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว บัวเหล่านั้นมักจะเหี่ยวแห้งและตาย ไปในที่สุด ในเรื่องนี้ ดร.เสริมลาภ วสุวัต มือเก๋าบัวแห่งประเทศไทย จึงขอเสนอแนะวิธีปลูกเลี้ยงบัวประดับในช่วงฤดูหนาวว่า ในช่วงนี้ตามปกติบัว และไม้น้ำหลายชนิด จะพักการเจริญเติบโต โดยสลัดใบทิ้ง อาหารที่สะสมไว้จะเปลี่ยนสภาพ จากน้ำตาลเป็นแป้ง เพื่อเก็บไว้ในต้น หน่อหรือเหง้า เมื่อหมดฤดูหนาวจะนำอาหารที่สะสมไว้ มาใช้เพื่อการเติบใหญ่ใหม่อีกครั้ง

การสลัดใบของบัว จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพสมดุลในน้ำ ตามปกติเมื่อบัว มีการงอกงามเต็มที่และมีใบที่สมบูรณ์ ในช่วงตอนกลางวัน ใบจะปรุงอาหารและระบายออกซิเจนลงในน้ำ ทำให้น้ำสะอาดและเกิดความเท่าเทียมกัน แต่เมื่อมีการสลัดใบทิ้ง ปริมาณออกซิเจนจึงลดลง แต่ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการเน่าสลายของรากบัว หรีอการตายของพืชใต้น้ำ มีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลให้น้ำในภาชนะที่เลี้ยงบัวเน่าเสีย ทำให้หน่อ หรือเหง้าเน่าตายไปด้วย

เพราะเช่นนั้นผู้เลี้ยงบัวประดับ จะต้องหมั่นคอยเก็บซากตะไคร่ สาหร่าย และวัชพืชน้ำ ที่ตายอยู่ในภาชนะบัวออก และเมื่อพบว่าน้ำเริ่มเน่า จะต้องถ่ายน้ำทันที (แต่ถ้าพ้นฤดูหนาวไปแล้ว บัวจะเจริญเติบโตใหม่ ไม่แนะนำให้ถ่ายน้ำบ่อย ๆ) สำหรับผู้ที่เลี้ยงบัวไม่มากนัก จะใช้วิธีเก็บหน่อหรือเหง้าเข้าตู้เย็นในชั้นที่เก็บผัก ซึ่งมีอุณหภูมิระหว่าง 5-10 องศาเซลเซียส เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวแล้วค่อยนำออกมาปลูกใหม่ก็ได้ หากผู้เลี้ยงบัว ไม่ต้องการเก็บหัวหรือเหง้าไปแช่ ตู้เย็น ใช้ด่างทับทิมละลายน้ำในภาชนะที่ปลูกบัวให้เป็นสีบานเย็น จะพบว่า ภายใน 2 วัน ตะไคร่น้ำ และสาหร่ายที่หลงเหลืออยู่จะตายหมด จนเป็นตะกอนสีน้ำตาลที่ก้นภาชนะ ให้เก็บซากทิ้งและดูดน้ำออก จนเหลือน้ำประมาณครึ่งหนึ่งของภาชนะ จากนั้นเติมน้ำจืดลงไปให้เท่าเดิม